ทดสอบว่าคุณดึงดูดเพศตรงข้าม

Quote

+++ ทดสอบว่าคุณดึงดูดเพศตรงข้ามมากขะหนาดไหน…. +++

1.. ถ้ามีให้เลือกได้ไปเที่ยวต่างประเทศ 3 ที่นี้ คุณจะไปที่ไหน
ก.ไปเมืองจีน ( ไปข้อ 2 ) ข. ไปญี่ปุ่น ( ไปข้อ 3 ) ค. ไปฝรั่งเศส (ไปข้อ 4 )

2.. เวลาดูหนังเศร้า คุณเคยร้องไห้ไหมจ๊ะ
ก. เคย ( ไปข้อ 4 ) ข.ไม่เคย ( ไปข้อ 3 )

3.. ถ้าแฟนคุณ(คบกันใหม่ๆ) ไม่มาตามนัด 1 ชั่วโมง คุณจะ
ก. รออีก 30นาที ( ไปข้อ 4 ) ข. กลับบ้าน ( ไปข้อ 5 ) ค. รอจนกว่าจะมา ( ไปข้อ 6 )

4.. คุณเคยดูหนังคนเดียวหรือเปล่า
ก. เคย ( ไปข้อ 5 ) ข. ไม่เคย (ไปข้อ 6 )

5.. นัดครั้งแรก แฟนคุณก็บอกว่าอยากจูบคุณ คุณจะ
ก. ปฏิเสธ ( ไปข้อ 6) ข. ให้จูบหรือจูบที่มือเบาๆ ( ไปข้อ 7 ) ค. ยิ้มแล้วจูบเลย ( ไปข้อ 8 )

6.. คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนตลกหรือไม่
ก. ใช่ ( ไปข้อ 7 ) ข. ไม่ใช่ (ไปข้อ 8 )

7.. คุณคิดว่าตัวเองมีความเป็นผู้นำหรือไม่
ก. ใช่ ( ไปข้อ 9 ) ข.ไม่ใช่ ( ไปข้อ 10 )

8.. ในความเห็นของคุณ เกิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะดีกว่ากัน
ก. ผู้ชาย ( ไปข้อ 9 ) ข. ผู้หญิง ( ไปข้อ 10 ) ค. เหมือนกัน ( คำตอบ D )

9.. คุณควงแฟนมากกว่า 1 คนพร้อมกันหรือไม่
ก. ใช่ ( คำตอบ B ) ข.ไม่ใช่ ( คำตอบ A )

10.. คุณคิดว่าคุณมีความ (Intelligent) รอบรู้, ฉลาด หรือไม่
ก. ใช่ (คำตอบ B ) ข. ไม่ใช่ ( คำตอบ C )

เฉลย –

A.. ขอแสดงความยินดี คุณเป็นพวกต้องตาเพศตรงข้ามมากๆเลยนะ
นอกจากคุณจะมีอารมณ์ขันแล้ว คุณยังมีความสุภาพ
คุณเป็นผู้ค้นพบวิธีเอาชนะใจคนอื่น และคุณ Popular เอามากๆ

B.. เยี่ยมยอด คุณต้องตาเพศตรงข้ามเหมือนกันนะ
แต่ยังยากที่จะให้เค้ารักเรา
อารมณ์ขันคุณทำให้ดึงดูดคนมาล้อมรอบคุณเค้าจะมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆคุณดูดีทีเดียว

C.. ไม่เลวนัก คุณไม่ต้องตาเพศตรงข้ามมากนัก
แต่ก็ยังมีบางอย่างในตัวคุณที่ทำให้เค้าคบหาคุณอยู่
คุณเป็นคนอารมณ์ดีทีเดียว แต่ยังมองทุกสิ่งเพียงด้านเดียวอยู่

D.. โอ๊ะโอ! คุณไม่ดึงดูดเพศตรงข้ามเลย
ลองดูว่าคนที่คบคุณอยู่กำลังหาประโยชน์จากคุณหรือเปล่านะ
หากคุณมองคนด้วยคุณค่า (Human Value) มากขึ้น คุณอาจได้ข้อ A ก็ได้นะคะ

+++++++++++++++++ – – +++++++++++++++

ฟอร์เวิร์ดซะ!
5 คน คนที่คุณแอบมองเขา เขาก้อจะแอบมองคุณ
10 คน คนที่คุนแอบชอบเขา เขาก้อจะแอบชอบคุณ
15 คน ขึ้นปาย คนที่คุนแอบรักเขา เขาก้อจะแอบรักคุณ

เดือนเกิดตรงกับสัตว์อะไร


เดือนเกิดตรงกับสัตว์อะไร

>>>January 1 – 9 ~ Dog
>>>January 10 – 24 ~ Mouse
>>>January 25 – 31 ~ Lion
>>>February 1 – 5 ~ Cat
>>>February 6 – 14 ~ Dove
>>>February 15 – 21 ~ Turtle
>>>February 22 – 28 ~ Panther
>>>March 1 – 12 ~ Monkey
>>>March 13 – 15 ~ Lion
>>>March 16 – 23 ~ Mouse
>>>March 24 – 31 ~ Cat
>>>April 1 – 3 ~ Dog
>>>April 4 – 14 ~Panther
>>>April 15 – 26 ~Mouse
>>>April 27 – 30 ~Turtle
>>>May 1 – 13 ~ Monkey
>>>May 14 – 21 ~ Dove
>>>May 22 – 31 ~Lion
>>>June 1 – 3 ~ Mouse
>>>June 4 – 14 ~ Turtle
>>>June 15 – 20 ~ Dog
>>>June 21 -24 ~ Monkey
>>>June 25 – 30 ~ Cat
>>>July 1 – 9 ~ Mouse
>>>July 10 – 15 ~ Dog
>>>July 16 – 26 ~ Dove
>>>July 27 – 31 ~ Cat
>>>August 1 – 15 ~ Monkey
>>>August 16 – 25 ~ Mouse
>>>August 26 – 31 ~ Turtle
>>>September 1 – 14 ~ Dove
>>>September 15 – 27~ Cat
>>>September 28 – 30~ Dog
>>>October 1 –
>>>15 ~ Monkey
>>>October 16 – 27 ~ Turtle
>>>October 28 – 31 ~Panther
>>>November 1 – 16 ~ Lion
>>>November 17 -30 ~ Cat
>>>December 1 – 16 ~ Dog
>>>December 17 – 25 ~ Monkey
>>>December 26 – 31 ~ Dove
>>>
>>>
>>>
>>>Dog
>>>Your Attractive and popular. Your nice and easy going and make friends
>>>with everyone very easily. Your cool and smart and are a leader.
>>>
>>>Cat
>>>Your very shy and cute. You are a follower and dont like to talk to
>>>people you dont know. Your very careful about choosing your friends. Your
>>>really nice.
>>>
>>>Monkey
>>>You are attractive and hyper. You have a lot of friends and your really
>>>outgoing. You gossip alot. Your funky and “unique” theres no one else
>>>like you. You want attention and like to be a leader.
>>>
>>>
>>>Panther
>>>You are mysterious. You have lots of friends and can be mean at times or
>>>nice. You always have the latest gossip with you and you are a leader.
>>>
>>>Mouse
>>>Your very quiet and quick – witted. You are very shy. Your cute and
>>>funny. You have a little group of friends. You
>>>are not “popular” but you are not a “geek”
>>>
>>>Lion
>>>You are a born leader. People look up to you. You have lots a friends and
>>>you are very attractive. Your nice and
>>>people want to be your friend. You make friends easily.
>>>
>>>Turtle
>>>You are very nice and pretty. You treat others as you would want to be
>>>treated yourself. You have lots of friends and never talk about anyone
>>>behind their back. You are
>>>loyal.
>>>
>>>Dove
>>>Your very peaceful and nice. You fall in love very easily and you are
>>>quiet and calm. You are not very shy but you are not outgoing. You are a
>>>leader of your group of friends

อนุบาลหมีน้อย

Aside


 

โรงเรียนอนุบาลหมีน้อย…….น่าร้ากกกกกกกกก

โรงเรียนอนุบาลหมีน้อย.......น่าร้ากกกกกกกกก

ลองมองดูนิ้วก้อยข้างซ้าย

Aside



ลองมองดูนิ้วก้อยข้างซ้ายของคุณดูนะคะ
แล้วเปรียบเทียบความยาวของแต่ละข้อนิ้ว

ทายนิสัยจากนิ้วก้อยมือซ้าย

นิ้วก้อยมือซ้ายทายนิสัย

ทายนิสัยจากนิ้วก้อย


ภาพปริศนา ภาพลวงตา ภาพหลอกตา

Aside


Subject: ภาพปริศนา ภาพลวงตา ภาพหลอกตา ขั้นเซียน มองดูดีๆคุณเห็นอะไรบ้าง..

 

ผมและเธอบนทางเส้นขนาน

Aside

TukTarSubject: ผมและเธอบนทางเส้นขนาน ( น่ารักดี )

 
> >> > – ผมบอกว่าความรักก็เหมือนกับเส้นด้ายบาง ๆ หากขาดไปแล้ว ผูกอย่างไรก็มีปม
> >> > – เธอบอกว่าความรักเหนียวแน่นคงทนกว่านั้น มันเปรียบเสมือนผืนผ้ามากกว่า
> >> > แม้เส้นด้ายจะขาดไปสักเส้น ผ้าก็ยังเป็นผ้าได้อยู่
> >> > – ผมไม่พกมือถือ ด้วยเหตุผลว่า
> >พระนเรศวรทรงกู้เอกราชได้โดยไม่ต้องใช้เครือข่าย GSM
> >> > – เธอพกมือถือ 2 เครื่อง ด้วยเหตุผลว่า
> >ที่ไทยเสียเอกราชไปเพราะไม่มีเครือข่าย GSMใช้

> >> > – ผมใส่กางเกงตัวละ 129 บาท ด้วยเหตุผลว่า
> >จะยี่ห้ออะไรก็ปิดไอ้นั่นได้มิดเหมือนกัน
> >> > – เธอใส่กระโปรงราคาตัวละหลายพันบาท ด้วยเหตุผลว่า มันปลอดภัย
> >ถ้าเกิดไฟไหม้
> >> > กระโปรงที่เธอใส่ เนื้อผ้าจะไม่ละลายติดเนื้อผิวของเธอ

> >> > – ผมไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน
> >แต่
> >> > ผมว่าขนมครก อ! ร่อย และถูกกว่าเป็นไหน ๆ
> >> > – เธอไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน
> >แต่
> >> > เธอชอบกินพิซซ่า ด้วยเหตุผลที่ว่า ขนมครกบางร้านเท่านั้นที่อร่อ! ย
> >แต่พิซซ่าฮัท ทุกร้านมีมาตรฐานเดียวกัน

> >> > – ผมใช้ปากกาด้ามละ 5 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนได้
> >และมันมักจะหายไป
> >> > ทุกครั้งก่อนที่ไส้จะหมด
> >> > – เธอใช้ปากกา ยี่ห้อ cross ด้วยเหตุผลที่ว่า
> >ยังไงมันก็เขียนติดกระดาษไม่ต้องสะบัดก่อนใช้
> >> > และไม่เลอะเทอะกระเป๋าเสื้อของเธอ

> >> > – ผมชอบทำงานอิสระ ทำตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครบังคับ
> >ไม่ต้องผูกมัด กับระบบ
> >> > – บัตรตอกทำงานของเธอไม่เคยขึ้นตัวแดง เธอกลับค่ำทุกวัน
> >เพราะงานทำให้เธอมีระบบ
> >> > ระเบียบ และเห็นคุณค่าของชีวิต

> >> > – ผมรักตัวของผมเองมากกว่าใคร ๆ ด้วยเหตุผลว่า ไม่ว่าเราจะทำดีเพื่อใคร ๆ
> >> > มากมายขนาดไหนความสุขทางใจที่เราได้ ก็ได้กับตัวเอง
> >> > – เธอรักครอบครัวของเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ ด้วยเหตุผลว่า ถ้าไม่มีพวกเขา
> >ก็คงไม่มีเธอเกิดมาให้ป่าวประกาศว่าฉันรักตัวฉันเอง

> >> > – คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่ผมว่า
> >หาดทรายจะแปรเปลี่ยนไปทุกครั้งตามคลื่นที่กระทบฝั่ง
> >> > แต่แม้จะเปลี่ยนอย่างไร ทรายก็ยังเป็นทราย
> >และคลื่นก็ยังเป็นคลื่นไม่เปลี่ยน
> >> > – คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่เธอว่า ไม่ว่าน้ำทะเลจะขึ้นจะลงอย่างไร
> >คลื่นก็ยังขยัน! ซัดกระทบฝั่ง

> >> > – ผมบอกว่าถ้าไม่มี “ความว่าง” แล้ว “ความมี” ก็ไร้ ความหมาย
> >เพราะความมีต้องวางลงบนความว่าง
> >> > – เธอบอกว่าถ้าไม่มี “ความมี” แล้ว “ความว่าง” จะมีประโยชน์อะไร
> >มันคงไร้ความหมายเพราะมีความมี ความว่างจึงก่อเกิดการเปรียบเทียบ

> >> > – คนอื่นบอกว่า ผู้หญิงรักผู้ชายจาก 0-100 แต่ผู้ชายรักผู้หญิงจาก 100-0
> >ผมแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายแค่ 0-1 เหมือนไบนารี่
> >ทำดีมากมายขนาดไหนก็เป็นเพียงแค่ 1 หากผิดพลั้งไป จะเหลือเพียง 0
> >> > – เธอแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายไม่ใช่ 0-1 และไม่ใช่ 0-100 แต่เป็นจาก
> >100-200
> >> > หญิงรักชายได้ 100 และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่เธอปรารถนา

> >> > – ผมมองคนที่ความคิด
> >> > – เธอแย้งว่าความคิดไม่ใช่นิสัย

> >> > ผมเหมือนกับแก้วใส ๆ จะเห็นคุณค่าตัวเองก็ต่อเมื่อมีเธอเป็นน้ำมาเติมเต็ม
> >> > เธอเหมือนกับน้ำใส ๆ เธอจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีภาชนะมารองรับ

> >> > ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกัน
> >> > ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ถึงแม้จะไม่มีวันบรรจบกัน

> >> > แต่เราก็จะตีคู่ไปด้วยกันเสมอ เพราะเธอชอบกินไข่แดง
> >> > แต่ผมชอบกินไข่ขาว
> >> > เราจึงอยู่ด้วยกันได้ ในไข่ใบสีน้ำเงินแห่งนี้

> >> > ความรัก กับ ความผูกพันธ์

> >> > เน! ื้อความ ความรัก..กับ ความผูกพัน
> >> > หน้าตาคล้ายกัน .. เหมือนซ้าย-ขวา
> >> > แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ …
> >> > รู้สึกว่า .. คิดถึง .. แล้วมาหา คือ …. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. เคยมาหา .. เลยมาหา คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า .. หิว … แต่อยากรอ คือ .. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. อิ่มแล้ว .. อยากเอามาฝาก คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า .. อยากให้เวลากันและกัน คือ ….. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. อยากใช้เวล! าด้วยกัน คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า .. หงุดหงิดคือทำให้อีกคนไม่สบายใจ คือ .. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. โกรธคือทำให้อีกคนสำนึกบ้าง คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า …. ไม่มีนาทีไหนไม่คิดถึง คือ .. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. นาทีไหนที่ว่างจะคิดถึง คือ …. ผูกพัน
> >> > ขอบคุณเหลือเกิน …. ความผูกพัน .. ที่ทำให้รัก
> >> > ขอบคุณเหลือเกิน .. รักที่เป็นมากกว่า .. ความผูกพัน
> >> > ———————————————————–

> >> > … เคยไหมรักใครคนหนึ่ง ด้วยยความรู้สึกว่า ….
> >> > เคยผูกพันเหมือนเคยรักกัน แล้วพลัดพราก
> >> > ต้องมาตามหากันเป็นแรมปี
> >> > ถ้าเคยรู้สึกอย่างนี้
> >> > ยามที่มอ! งแววตาใครคนนั้น
> >> > แล้วรู้สึกอยากอยู่ข้าง ๆ
> >> > เพื่อคอยกางแขนปกป้องแ ละดูแลไปตลอดชีวิต
> >> > ความรู้สึกนั้น .. > เรียกว่า รักและผูกพัน
> >> > ความรู้สึกที่ .. มิอาจพรากจากกัน ได้อีก
> >> > แม้เพียงหนึ่งเสี้ยววินาที

ถ้าเราจะรักกัน

Aside



Subject: ถ้าเราจะรักกัน

  Flower_WeLoveเมื่อเรารักกัน…ไม่ต้องคิดว่าจะโง่หรือจะฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าเชื่อเค้าแล้วเราจะโง่ในสายตาใคร ๆ
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าเปิดหูตารับฟังปากชาวบ้านเป็นการฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าเชื่อว่าเค้ารักเราคนเดียวเป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้ารู้ว่าเค้าทำอะไรเพื่ออะไรเป็นเรื่องฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าให้โอกาสเค้าเรื่อย ๆ เป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าตั้งกฎเกณฑ์แล้วจะฉลาด

เมื่อคนเรารักกัน…เราไม่ได้เล่นเกม
ไม่ใช่…เล่นหมากรุกที่ต้องมองเชิงกันก่อน
ไม่ใช่…เล่นวิ่งไล่จับคนหนึ่งหนีคนหนึ่งวิ่งตาม
ไม่ใช่…เล่นซ่อนหาต้องตามจิกตามหาตลอดเวลา
ไม่ใช่…เล่นโยนเหรียญสุ่มเอาว่าจะหัวหรือก้อย

เมื่อเรารักกัน…เราไม่ได้ทดลอง action = reaction
เวลาเราให้เค้าไป…ไม่จำเป็นว่าต้องได้รับกลับ
เวลาเค้าโมโหใส่…ไม่จำเป็นต้องโมโหกลับ
เวลาเค้าทำไม่ดีกับเรา…ไม่จำเป็นต้องทำบ้าง
เวลาเค้าไม่ทำดีให้…ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรทำให้เค้า

เมื่อเรารักกัน…เราไม่ได้ทดสอบทฤษฎี Demand & Supply
ไม่เสมอไป…ที่ต้องการความรักมาก ๆ แล้วเค้าจะมีให้เราน้อย
ไม่เสมอไป…ที่ให้ความรักเค้ามาก ๆ แล้วราคาความรักจะต่ำ
ไม่เสมอไป…ที่จะมีจุดที่ความต้องการเท่ากับความรักที่ให้

เมื่อเรารักกัน….
ไม่จำเป็น…ต้องหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ทุกอย่าง
ไม่จำเป็น…ต้องกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ไม่จำเป็น…ที่ต้องบอกเค้าว่า “
เค้าคงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของที่เค้ามีถ้าเค้ายังไม่เสียมันไป”

รักกันไม่จำเป็นต้องขู่กันเรื่องความสำคัญ
รู้อยู่ในใจก็พอ…ว่าเรารักกัน

จำไว้ให้แน่นใจ…กับเรื่องดี ๆ ที่เค้าพูด
จำไว้ให้อบอุ่นใจ…กับสิ่งดี ๆที่เค้าทำให้เรา

ค้นมันออกมาเวลาเหงาใจ
ค้นมันออกมาเวลาไม่มั่นใจ
ค้นมันออกมาเวลาเสียใจ

เพราะว่าเวลาใจเราอ่อนแอ
สิ่งดี ๆ ของเราสองคนมักจะหายไป
อย่าปล่อยให้มันหายไป….เพราะ
คนที่เค้าเคยทำให้เราอาจจะเสียใจ
ที่เราหลงลืมเรื่องดี ๆ เหล่านั้นแล้ว
Keep asking all the time

…เมื่อเรารักกัน….ไม่มีนิยามของแต่ละคู่….

ถั่วในมือลิง

Aside


Subject: ถั่วในมือลิง เรื่องดีๆ ที่อยากให้อ่านจริงๆ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..จิตของคนเรานั้น เหมือนกับลิง
เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง
ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด
มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด
จนกลายเป็นว่า “กะปิ” ถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่า “ความเกลียดกะปิ”
ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ
หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก
สิ่งที่เราเกลียด นั้น
บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา
ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไส
ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว

แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น
นอกจากความอยากผลักไสแล้ว
ความยึดติด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน

กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที
ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน
เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง
โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้
ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ

วันดีคืนดี ลิงมาที่สวน
เห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว
แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง
เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้
ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออก

พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้
เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว
สุดท้ายก็ถูกคนจับได้

ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น
มันก็เอาตัวรอดได้
แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก
มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันอยากได้
จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น

เวลาประสบปัญหา
เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย
แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย
จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย..ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด

ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น
ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง
มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ
บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น
หากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว

ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่ง
ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ
ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน
หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย

ดั่งเจ้าลิงหวงถั่ว.

ปรัชญาชาวจีน…มนตรานำโชค

Aside



Subject: ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต

> > > > ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต

> > 1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน

> > 2.จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่าแต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน

> > 3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน

> > 4. เมื่อกล่าวคำว่า “ฉันรักเธอ” จงหมายความตามนั้นจริง ๆ

> > 5. เมื่อกล่าวคำว่า “ขอโทษ” จงสบตาเขาด้วย

> > 6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน

> > 7. จงเชื่อในรักแรกพบ

> > 8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร

> > 9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง
>อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม

> > 10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน

> > 11. อย่าตัดสินคนคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา

> > 12. จงพูดให้ช้าแต่ต้องคิดให้เร็วๆ

> > 13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่าจะรู้ไปทำไม

> > 14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก >และความสำเร็จล้วนต้องมีการเสี่ยง

> > 15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม

> > 16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย

> > 17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ

> > 18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่

> > 19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที

> > 20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา

> > 21.จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง

> > ส่งต่อข้อความนี้ไป 4 คน ชีวิตของคุณจะดีขึ้น

5-9 คน ชีวิตคุณจะดีอย่างใจปราถนา
9-14 คน คุณจะได้รับความประหลาดใจภายใน 3 สัปดาห์
15 คนขึ้นไป ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปทันทีและสิ่งที่คุณใฝ่ฝันจะก่อรูปก่อร่าง

รถจมน้ำทำอย่างไร

Aside

Subject: รถจมน้ำ..ทำไงให้รอด 

>>”ฮัลโล”…”พ่อช่วยด้วย ! รถกำลังจะจมน้ำ”…
>>”หนูอยู่ที่ไหนลูก!!”…
>>”ตู๊ดดดดดดดดดด

>>ถ้าคุณเป็นพ่อคงจะหัวใจแทบสลาย …….หลังจากสายโทรศัพท์ตัด
>>เขาก็รีบบึ่งรถไปตามเส้นทางที่เมียรัก
>>ซึ่งขับรถพาลูกสาวเข้าไปในตัวเมือง
>>แหล่งน้ำทุกแหล่งที่อยู่ข้างทาง เขาลงไปหาดูหมด ………
>>สอบถามคนข้างทางแทบทุกคน ว่าเจอรถ CRV ที่มีผู้หญิงนั่งมา 2 คนหรือปล่าว ?

>>อ นิ จ จ า ก ว่ า จ ะ พ บ ก็ ส า ย ไ ป เ สี ย แ ล้ ว

>>ลูกแก้วเมียขวัญที่เขารักสุดชีวิต ต้องจากเขาไป
>>ก่อนหน้านั้นเขาก็มีความรู้สึกเช่นนี้อยู่บ้าง
>>เมื่อลูกสาวอันเป็นที่รักของเขา
>>จะต้องจากบ้านเกิดที่ขอนแก่น ไปเรียนที่ลาดกระบังเพราะพึ่งเอ็นส์ติด
>>แต่ใครจะคาดคิดว่า จะต้องจากไปชั่วนิรันดร์อย่างนี้
>>

>>เปิดประตูลำบากครับ นึกถึงพายที่เราพายเรือซีครับ ต้องแหวกน้ำน่ะ

>>หนักขนาดไหน
>>นี่ประตูทั้งบาน หนักกว่าพายขนาดไหน
>>
>>กดกระจกลงครับ ไฟฟ้าไม่ได้ช็อตเพราะตกน้ำ เนื่องจากเป็นไฟ DC

>>ยังใช้ได้อยู่ไม่น้อยกว่า 5-10 นาทีแน่นอน กดกระจกลง
>>แล้วออกมาทางหน้าต่างนั่นแหละครับ แต่ก่อนกดกระจกลงน่ะ
>>อย่าลืมเอาเข็มขัดนิรภัยออกเสียก่อน ไม่ต้องไปห่วงเรื่องเปิดประตู
>>ทำไม่ได้หรอกครับ กระจกไฟฟ้านี่แหละ เอาลงง่ายกว่าหมุนเสียอีก
>>
>>ผมไม่อยากใช้ชื่อนี้ในนี้ ไม่อยากเข้ามาตอบกระทู้ด้วยซ้ำ

>>แต่คราวนี้จำเป็นครับ
>>ผมไม่อยากให้คนไทยพวกเราต้องเสียชีวิต เพราะไม่ทันคิด
>>กับการเปิดประตูรถที่จมน้ำอีกแล้ว เลยจำเป็นต้องมาเตือนกันเท่านั้น

>>มีการพิสูจน์กันแล้ว ใน LA สหรัฐอเมริกา
>>ใช้ตำรวจกับรถยนต์ที่ยกลงไปในสระน้ำ
>>ให้ตำรวจอีกสองคน ไปช่วยกันเปิดประตูจากด้านนอก เปิดไม่ออก
>>ใช้ตำรวจตัวใหญ่
>>ใส่ชุดมนุษย์กบอยู่ในรถ ผลักประตูก็ไม่ออก ต้องออกทางกระจกอย่างเดียว
>>ไม่ต้องทุบ เพราะทุบก็แตกยาก และแตกแล้วก็จะมีเศษกระจก
>>เข้าไปบาดหน้าตาคนทุบ

>>กดกระจกลงให้หมดอย่างเดียว รอดแน่ ถ้ามีสติ

>>ทุกท่านครับ มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน เกี่ยวกับเหตุการแบบนี้
>>วันหนึ่งจะแก้ไขได้ ถ้าเราบอกทุกคนในครอบครัวว่า…… ถ้ารถตกน้ำ
>>สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนที่รถจะเริ่มจม ตั้งสติ
>>และไขกระจกลงให้เร็วที่สุด
>>เพื่อที่น้ำ จะได้เข้ามาในตัวรถ
>>อากาศที่อยู่ในรถจะถูกแทนที่ด้วยน้ำ…
>>แล้วกั้นหายใจพยายาม เปิดประตูออกไป จะเปิดได้ง่ายกว่า

>>แรงดันในรถจะลดลง
>>อย่าเสียเวลาทุบกระจก เพราะน้ำจะดันกระจกด้านนอกไว้
>>เหมือนคนดันประตูที่เราพยายามจะผลักออกไป.. คนที่เคยรอดชีวิตออกมา

>>เขาเล่าให้ผมฟัง เป็นวิศวะกร ขับรถกระบะ ตกไปในน้ำ พยายามทุบกระจก
>>ด้วยโทรศัพท์รุ่นกระบอกน้ำสมัยนั้น แต่ไม่สำเร็จ
>>เลยไขกระจกตอนที่น้ำกำลังท่วมมาจนถึงหูจับประตู พอไขกระจก
>>น้ำก็เริ่มเข้ามา
>>เขาจึงเปิดประตูออกมาได้…..


ความลับของความรัก

Subject: ความลับของความรัก

  > เรื่องลับลับเกี่ยวกับความรัก
> มีความลับเกี่ยวกับความรักอีกมากมายหลายอย่าง ที่เรายังต้องค้นหากันต่อไป
>
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเข้าใจยิ่งค้นหาก็จะทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของมันมากขึ้น
>
: : ความรักเริ่มจากความคิด
>
เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรักบางทีความรักก็ทำให้เราเปลี่ยนแปลงความคิด
อย่างที่เคยเป็นต้องปรับปรุงในสิ่งที่เราเคยทำเพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน
: : ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา
> คุณไม่สามารถรักใครได้หรอกถ้าคุณไม่รู้สึกเชื่อมั่นเป็นอันดับแรก
> และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น นั่นก็คือตัวคุณเอง: : ความรักคือการให้
> ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรักสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ
> รู้จักให้ด้วยยิ่งให้คุณก็จะยิ่งได้รับ สูตรลับของความสุข
> และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ
> อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า

: : ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่
> อยากได้รักแท้ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้ซะก่อนการจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา
>
แต่อยู่ที่ว่าต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันรึเปล่าหากจะรักใครอย่างจริงใจคุณควรจะ
รักในสิ่งที่เขาเป็น
> ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็นมิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโต
ทุกๆวันนั่นเอง

: : การสัมผัสกันจะช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น
>
เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครมาโอบใหล่หรือกอดคุณการสัมผัสกันจึงเป็นการแสดง
ออกอย่างหนึ่งที่มีพลังช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วยน่าแปลกที่
มันสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาลงอย่างได้ผล

: : อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย
> ถ้าคุณรักใครจงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้างคุณเองก็รู้สึกอึดอัดใช่มั้ย
> ถ้าหากมีใครมาล่ามโซ่คุณ จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดีมาก่อน
> ปลดปล่อยความกลัวภายในใจให้ความยุติธรรม ลดทิฐิ และเงื่อนไขต่างๆซะบ้าง
> บอกตัวเองว่า
แต่นี้ไปเราจะทิ้งความกลัวทั้งหมดและอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวเราอีก
> นับจากวันนี้ไปเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะที

: : ชีวิตจะเปลี่ยนไป เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้าง
และซื่อสัตย์ต่อกัน
> คุยกับคนที่คุณรัก อย่ากลัวที่จะพูดคำวิเศษ 3 คำว่า “ฉันรักเธอ”
> อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป คุณควรจะบอกรักก่อนจะจากกันทุกครั้งเสมอ
> เพราะบางทีคุณอาจจะได้เจอกันครั้งสุดท้ายก็ได้ใครจะไปรู้

: : แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน
> ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนนึงก็จะเป็นคนระแวง กังวลและหวาดหวั่น
> ส่วนอีกคนก็จะรู้สึกอึดอัดใจคุณไม่อาจรักใครจริงๆ
> ได้ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาอย่างแท้จริง
> สุดท้ายคือการเข้าใจ


คุณค่าของความรัก



Subject: ชี้นำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ตัวคุณเห็นค่าของ ความรัก

  เวลาไม่มีเงิน .
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีเงิน …
คนแรกที่คิดถึงคือแฟนและเพื่อนอยากได้รถ …
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่แต่พอมีรถ …
คนแรกที่จะไปรับคือแฟนและเพื่อนร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค …
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน

อาหารบนโต๊ะที่บ้าน .
มีสำหรับพ่อและแม่

โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า ….
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน

ทีวี และสวนหน้าบ้าน …
มีไว้สำหรับพ่อและแม่

พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน …
เพื่อความอยู่รอด

ลูกนอนคุยโทรศัพท์ เล่นเนตก่อนนอน …
เพื่อให้หลับฝันดี

เวลาเรามีความสุข .
มักจะมองหาแฟนและเพื่อน

เวลาเรามีความทุกข์ .
คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่

เวลาประสบความสำเร็จ !..
เรามักมองหาแฟนและเพื่อนเพื่อนัด?ลองและสังสรร

แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่ …
แต่พ่อและแม่ กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป

ลูกไปรื่นเริงตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ๊ก ฯลฯ …
พ่อและแม่กลับทำงาน หรือ
นอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงินในวันรุ่งขึ้น

เพื่อแลกความสุขของลูก
อยากให้ลูกเรียนสูง ๆ
เวลาแต่งงาน … คนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นคือพ่อและแม่

คนที่มีความสุขคือลูก
พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง
เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย
………..เพื่อให้ลูกได้ดี

แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูด …
เป็นแค่เรื่องไร้สาระ

พ่อและแม่ …
คือผู้ฝ่าฟันปัญหาเป็นร้อยพันประการเพื่อลูก
แต่พอลูกมีปัญหา .
มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย!!!!

พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง
และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่

ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด … Huh
คำว่า “พ่อ” หรือ “แม่”
อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด

แล้วคุณเตรียมอะไรไว้
เพื่อคุณพ่อคุณแม่ของคุณหรือยัง

เค้าบอกว่า…ถ้าอ่านแล้วส่งต่อ
ก็เท่ากับว่าได้ชี้นำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ตัวคุณเห็นค่าของ

ความรัก


ผู้หญิงกับผู้ชาย

Aside

Subject: ผู้หญิงกับผู้ชาย(น่าอ่านๆ ตรงมากมาก)

  > พระเจ้าสร้างชายและหญิงให้เกิดมาคู่กัน แต่ก็มีผู้ชายจำนวนมากออกมายอมรับว่า> “บางครั้งผู้หญิงก็ดูน่าเบื่อและไร้เหตุผลจนไม่น่าเข้าใกล้”
> ในขณะที่ผู้หญิงโต้กลับว่า “บางครั้งผู้ชายก็งี่เง่าและเฮงซวยที่สุด”
> ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครดีใครเลว แต่อยู่ที่ความแตกต่างกัน
> ในทุก ๆ เรื่องของชายและหญิงต่างหากที่เป็นต้นเหตุของความไม่เข้าใจ
> ในเมื่อทั้งชายและหญิงไม่มีวันที่จะเหมือนกันได้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อการอยู่ร่วมกันได้ย่างมีความสุข

> นั่นก็คือ “การทำความเข้าใจจิตใจของแต่ละฝ่ายนั่นเอง”

> 1. ผู้ชายรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของคนอื่น ขณะที่ผู้หญิงรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองน่าทะนุถนอม

> 2. เมื่อเกิดปัญหา ผู้ชายจะเก็บตัวเพื่อคิดหาทางออก ผู้หญิงจะหาใครซักคนที่ไว้ใจ และพร่ำพรรณนาปัญหาให้ฟัง

> 3. จากสถิติพบว่า ผู้ชายมีอายุสั้นกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายใจร้อนและคึกคะนองมากกว่า

> 4. ผู้ชายมุ่งความต้องการไปที่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ความสำเร็จของผู้หญิงคือ การมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข

> 5. เมือทำอะไรซักอย่างไม่ได้ ผู้หญิงจะขอความช่วยเหลือ ในขณะที่ผู้ชายจะไม่พยามยามขอความช่วยเหลือ เพราะคิดว่านั่นคือการแสดงความอ่อนแอของตัวเอง

> 6. ผู้หญิงมีสมองเล็กกว่าผู้ชาย แต่สมองทั้งสองซีกกลับทำงานสัมพันธ์กันมากกว่าผู้ชาย

> 7. ผู้ชายจะเจริญเติบโตและก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้ช้ากว่าผู้หญิง

> 8. ผู้ชายถูกกระต้นความต้องการทางเพศโดยสายตา เช่น ดูภาพโป้ ดูหนังโป้ แต่ผู้หญิงถูกกระตุ้นความต้องการทางเพศ โดยการสัมผัสอันนุ่มนวล

> 9. เมื่อเล่นเกม ๆ หนึ่ง ผู้หญิงต้องการเอาชนะโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องแพ้ก็ได้ (การเสมอ) แต่ผู้ชายต้องการเอาชนะ และอีกฝ่ายต้องเป็นผู้แพ้

> 10. เมื่อผู้ชายตกหลุมรักใครซักคน เค้าจะถูกกระตุ้นให้ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าจีบผู้หญิงคนนั้นไม่สำเร็จ เค้าจะกลับไปเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม

> 11. ผู้หญิงเมาง่ายกว่าผู้ชาย

> 12. ผู้ชายจะจดจำเส้นทาง และอ่านแผนที่ได้เก่งกว่าผู้หญิง

> 13. ผู้หญิงกลัวที่จะเป็นฝ่ายรับ ในขณะที่ผู้ชายกลัวที่จะเป็นฝ่ายให้

> 14. ผู้หญิงพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายทำสำเร็จมากกว่าผู้หญิง

> 15. ผู้หญิงจะเรียนภาษาได้ดีกว่า และมีความสามารถในการสื่อสารทางการพูดมากกว่าผู้ชาย

> 16. ผู้ชายจะคิดให้ตกซะก่อนจึงค่อยพูดออกมา แต่ผู้หญิงมักจะคิดออกมาเป็นเสียงดัง ๆ ให้คนอื่นได้ยินด้วย

> 17. ผู้หญิงจะไม่ทิ้งเพื่อนหากเพื่อนกำลังมีปัญหา ในขณะที่ผู้ชายจะทิ้งให้เพื่อนแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

> 18. เมื่อผู้หญิงรู้สึกดี เธอจะสามารถแบ่งปันความรักให้คนอื่นมากมาย แต่เมื่อเธอรู้สึกแย่ สิ่งที่เธอต้องการที่สุดคือความรักจากคนรอบข้าง

> 19. นิสัยผู้ชายเหมือนหนังสติ๊ก: ในช่วงเวลาที่คบกัน ผู้ชายจะต้องการทั้งความผูกพันใกล้ชิด และความอิสระ แต่ผู้หญิงจะรู้สึกไม่ดีหากผู้ชายกำลังถอยออกไปหาอิสระ และพยายามดึงเค้ากลับมา ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เค้าถอยห่างมากขึ้น ทางที่ดีควรอยู่นิ่ง ๆ เมื่อถึงเวลาหนึ่งเค้าจะกลับมาเอง

> 20. ทั้งที่ผู้ชายและผู้หญิงพูดคำ ๆ เดียวกัน แต่ความหมายของคำ ๆ นั้น กลับไม่เหมือนกัน เช่น เมื่อผู้หญิงพูดว่า “เราเลิกกันเถอะ” แปลว่าฉันต้องการให้คุณเห็นความสำคัญของฉันมากกว่านี้ เมื่อผู้ชายพูดว่า “เราเลิกกันเถอะ” แปลว่าผมไม่ขอทนคุณอีกต่อไป เพราะผมเจอคนใหม่แล้ว


คำอธิษฐานที่ได้รับรางวัล

Subject: คำอธิษฐานที่ได้รับรางวัลที่ ๑ โดย สุชีพ ปุญญานุภาพ

  คำอธิษฐานที่ได้รับรางวัลที่ ๑ โดย สุชีพ ปุญญานุภาพ
คณะกรรมการของสมาคมพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่งได้ตรวจข้อเขียนของ ผู้ส่งคำอธิษฐานเข้าประกวดอย่างเคร่งเครียด และมีมติเป็นเอกฉันท์ตัดสินให้คำอธิษฐานของ คุณชีพ ปุญญานุภาพ ได้รับรางวัลที่ 1 เนื่องจากเป็นคำอธิษฐานเพื่อคุณธรรม มากกว่าการขอโชคลาภทรัพย์สมบัติใดๆ และในตอนท้ายคำอธิษฐาน ได้กล่าวสรุปไว้เพื่อให้เห็นว่า ตัวผู้เขียนยังไม่ดีพอ จึงต้องมีหลักฐานไว้เตือนตัวเอง ข้อเขียนที่แสดงถึงความปรารถนาหรือ
คำอธิษฐาน ๑๐ ประการ มีดังนี้
๑. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนคิดจะได้ดีอะไรอย่างลอย ๆ นั่งนอนคอยแต่โชควาสนา โดยไม่ลงมือทำความดี หรือไม่เพียรพยายาม สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตน ถ้าข้าพเจ้าจะได้ดีอะไรก็ขอให้ได้เพราะได้ทำความดีอย่างสมเหตุผลเถิด


๒. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนลืมตนดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ซึ่งอาจด้อยกว่าในทางตำแหน่ง ฐานะการเงิน หรือในทางวิชาความรู้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้เกียรติแก่เขาตามความเหมาะสมในการติดต่อเกี่ยวข้องกันเถิด อย่าแสดงอาการข่มขู่เยาะเย้ยใครๆ ด้วยประการใดๆเลย ก็ขอให้มีความอ่อนโยน นุ่มนวล สุภาพเรียบร้อยเถิด


๓. ถ้าใครพลาดพลั้งลงในการครองชีวิตหรือต้องประสบความทุกข์ ความเดือดร้อนเพราะเหตุใดๆก็ตามขออย่าให้ข้าพเจ้าเหยียบย่ำซ้ำเติมคนเหล่านั้นแต่จงมีความกรุณาหาทางช่วยเขาลุกขึ้น ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ร้อนแก่เขาเท่าที่จะสามารถทำได้


๔. ใครก็ตามที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาเท่าเทียมหรือเกือบเท่าเทียมข้าพเจ้า ก็ดี มีความรู้ความสามารถหรือมีผลงานอันปรากฏดีเด่น สูงส่งอย่างน่านิยมยกย่องยิ่งกว่าข้าพเจ้า ขอ อย่าให้ข้าพเจ้ารู้สึกริษยาหรือกังวลใจในความเจริญของผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย ข้อให้ข้าพเจ้าพลอยยินดีในความดี ความรู้ความสามารถของบุคคลเหล่านั้นด้วยใจจริง ช่วยส่งเสริมสนับสนุนและให้กำลังใจแก่คนเหล่านั้น อันเข้าลักษณะการมีมุทิตาจิตในพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกันข้ามกับความริษยา ขออย่าให้เป็นอย่างบางคน ที่เกรงนักหนาว่าคนอื่นจะดีเท่าเทียมหรือดียิ่งกว่าตน คอยหาทางพูดจาติเตียน ใส่ไคล้ให้คนทั้งหลายเห็นว่าผู้นั้นยังบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีน้ำใจสะอาด พูดส่งเสริมยกย่องผู้อื่นที่ควร ยกย่องเถิด


๕. ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีน้ำใจเข็มแข็งอดทน อย่าเป็นคนขี้บ่น ในเมื่อมีความยากลำบากอะไรเกิดขึ้น ขอให้มีกำลังใจต่อสู้กับความยากลำบากนั้น ๆ โดยไม่ต้องอ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย ขออย่าเป็นคนอ่อนแอเหลียวหาที่พึ่ง เพราะไม่รู้จักทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนเลย ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนชอบได้อภิสิทธิ์ คือ สิทธิเหนือคนอื่น เช่น ไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็ขอให้พอใจนั่งคอยตามลำดับ อย่าวุ่นวายจะเข้าตรวจก่อน ทั้งที่ตนไปถึงทีหลัง ในการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกใด ๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดหาวิธีลัดหรือวิธีทุจริตใดๆ รวมทั้งขออย่าได้วิ่งเต้นเข้าหาคนนั้นคนนี้ เพื่อให้เขาช่วยให้ได้ผลดีกว่าคนอื่น ทั้งๆที่ข้าพเจ้าอาจมีคะแนนสู้คนอื่นไม่ได้เถิด


๖. ข้าพเจ้าทำงานที่ใด ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือคิดเอาแต่ได้ในทางส่วนตัว เช่น เถลไถลไม่ทำงาน รีบเลิกงานก่อนกำหนดเวลา ขอจงมีความขยันหมั่นเพียร พอใจในการทำงานให้ได้ผลดี ด้วยความตั้งใจและเต็มใจ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ฉะนั้นเถิด อันเนื่องมาแต่ความไม่คิดเอาเปรียบในข้อนี้ ถ้าข้าพเจ้าบังเอิญก้ำเกินข้าวของ ของที่ทำงานไปในทางส่วนตัวได้บ้าง เช่น กระดาษ ซอง หรือ เครื่องใช้ใด ๆ ขอให้ข้าพเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าเป็นหนี้อยู่ และพยายามใช้หนี้คืนด้วยการซื้อใช้ หรือทำงานให้มากกว่าที่กำหนด เพื่อเป็นการชดเชยความก้ำเกินนั้น ข้อนี้รวมทั้ง ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเอาเปรียบชาติบ้านเมือง เช่น ในเรื่องการเสียภาษีอากร ถ้ารู้ว่ายังเสียน้อยไปกว่าที่ควร หรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะชดใช้แก่ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ เมื่อมีโอกาสตอบแทนเมื่อไร ขอให้รีบตอบแทนโดยทันที เช่น ในรูปแห่งการบริจาคบำรุงโรงพยาบาล บำรุงการศึกษาหรือบริจาคเพื่อสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ แบบบริจาคให้มากกว่าที่รู้สึกว่ายังเป็นหนี้ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอและในข้อ นี้ขอให้ข้าพเจ้าปฏิบัติแม้ต่อเอกชนใด ๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือโกงใครเลยแม้แต่น้อย แม้แต่จะซื้อของ ถ้าเขาถอนเงินเกินมา ก็ขอให้ข้าพเจ้ายินดีคืนให้เขากลับไปเถิด อย่ายินดีว่ามีลาภ เพราะเขาทอนเงินเกินมาให้เลย

๗. ขออย่าให้ข้าพเจ้ามักใหญ่ใฝ่สูง อยากมีหน้ามีตา อยากมีอำนาจ อยากเป็นใหญ่เป็นโต ขอให้ข้าพเจ้าใฝ่สงบ มีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องเดือดร้อนในเรื่องการแข่งดีกับใคร ๆ ทั้ง นี้เพราะข้าพเจ้าพอจะเดาได้ว่า ความมักใหญ่ใฝ่สูง ความอยากมีหน้ามีตา ความอยากมีอำนาจ และอยากเป็นใหญ่เป็นโตนั้น มันเผาให้เร่าร้อน ยิ่งต้องแข่งดีกับใคร ๆ ด้วยก็ยิ่งทำให้เกิดความคิดริษยา คิดให้ร้ายคู่แข่งขัน ถ้าอยู่อย่างใฝ่สงบมีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ก็จะเย็นอกเย็นใจ ไม่ต้องนอนก่ายหน้าผากถอนใจเพราะเกรงคู่แข่งจะชนะ ไม่ต้องทอดถอนใจเพราะไม่สมหวัง ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจซาบซึ้งในพระ พุทธภาษิตว่า “ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ละความชนะความแพ้เสียได้ ย่อมอยู่เป็นสุข” ดังนี้เถิด แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เมื่อใฝ่สงบแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องอยู่อย่างเกียจคร้านไม่สร้างความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ข้าพเจ้าทราบดีว่าพระพุทธศาสนามิได้สอนให้คนเกียจคร้านงอมือ งอเท้า แต่สอนให้มีความบากบั่นก้าวหน้าในทางที่ดีไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม และความบากบั่นก้าวหน้าดังกล่าวนั้น ไม่จำเป็นต้องผูกพันอยู่กับความทะยานอยาก หรือความมักใหญ่ใฝ่สูงใด ๆ คงทำงานไปตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ผลดีก็จะเกิดตามมาเอง


๘. ขอให้ข้าพเจ้าหมั่นปลูกฝั่งความรู้สึกมีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น และมีกรุณาคิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าแนะนำให้ปูพื้นจิตใจด้วยเมตตากรุณาดังกล่าวนี้อยู่เสมอจนกระทั่งไม่รู้สึกว่ามีใครเป็นศัตรูที่จะต้องคิดกำจัดตัดรอนเข้าให้ถึงความพินาศ ใครไม่ดี ใครทำชั่วทำผิดขอให้เขาคิดได้กลับตัวได้เสียเถิด อย่าทำผิดทำชั่วอีกเลย ถ้ายังขืนทำต่อไปก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาจะต้องรับผลแห่งกรรมชั่วของเขาเอง เราไม่ต้องคิดแช่งชักให้เขาพินาศ เขาก็จะต้องถึงความพินาศของเขาอยู่แล้ว จะต้องแช่งให้ใจเราเดือดร้อนทำไม ขอ ให้ความเมตตาคิดจะให้เป็นสุข และกรุณาคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ซึ่งข้าพเจ้าปลูกฝังขึ้นในจิตใจนั้น จงอย่าเป็นไปในวงแคบและวงจำกัด ขอจงเป็นไปทั้งในมนุษย์และสัตว์ทุกประเภท รวมทั้งสัตว์ดิรัจฉานด้วย เพราะไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เหล่านั้น ต่างก็รักสุขเกลียดทุกข์ รู้จักรักตนเองปรารถนาดีต่อตนเองด้วยกันทั้งสิ้น


๙. ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนโกรธง่าย ต่าง ว่าจะโกรธบ้าง ก็ขอให้มีสติรู้ตัวโดยเร็วว่ากำลังโกรธ จะได้สอนใจตนเองให้บรรเทาความโกรธลง หรือถ้าห้ามใจให้โกรธไม่ได้ ก็ขออย่าให้ถึงกับคิดประทุษร้ายผู้อื่น หรือคิดอยากให้เขาถึงความพินาศ ซึ่งนับเป็นมโนทุจริตเลย ขอจงสามารถควบคุมจิตใจให้เป็นปรกติได้โดยรวดเร็ว เมื่อมีความไม่พอใจหรือความโกรธเกิดขึ้นเถิด และเนื่องมาจากความปรารถนาข้อนี้ ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนผูกโกรธ ให้รู้จักให้อภัย ทำใจให้ปลอดโปร่งจากการผูกอาฆาตจองเวร ขอให้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดยรู้จักเปรียบเทียบกับตัวข้าพเจ้าเองว่าข้าพเจ้าเองก็อาจทำผิด พูดผิด คิดผิด หรือ อาจล่วงเกินผู้อื่นได้ ทั้งโดยมีเจตนาและไม่เจตนา ก็ข้าพเจ้าเองยังทำผิดได้ เมื่อผู้อื่นทำอะไรผิดพลาดล่วงเกินไปบ้าง ก็จงให้อภัยแก่เขาเสียเถิด อย่าผูกใจเจ็บหรือเก็บความรู้ สึกไม่พอใจนั้นมาขังอยู่ในจิตใจ ให้เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเองเลย


๑๐. ขอให้ข้าพเจ้ามีความรู้ความเข้าใจและสอนใจตัวเองได้เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธศาสนา ทั้งทางโลกและทางธรรม กล่าวคือ พระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักสร้างความเจริญแก่ตนในทางโลก และสอนให้ประพฤติปฏิบัติยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ให้มีปัญญาเข้าใจปัญหาแห่งชีวิต เพื่อจะได้ไม่ติดไม่ยึดถือ มีจิตใจเบาสบายอันเป็นความเจริญในทางธรรม ซึ่งรวมความแล้วสอนให้เข้ากับโลกได้ดี ไม่เป็นภัยอันตรายแก่ใคร ๆ แต่กลับเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ แต่ก็ได้สอนไปในทางธรรมให้เข้ากับธรรมได้ดี คือให้รู้จักโลก รู้เท่าโลกและขัดเกลานิสัยใจคอให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อบรรลุความดับทุกข์ ความพ้นทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจทั้งทางโลกทางธรรม และ ปฏิบัติตน ให้ถูกต้องได้ทั้งสองทาง รวมทั้งสามารถหาความสงบใจได้เองปละสามารถแนะนำชักชวนเพื่อนร่วมชาติร่วมโลก ให้ได้ประสบความสุขสงบได้ตามสมควรเถิด

ความปรารถนาหรือคำอธิษฐานรวม ๑๐ ประการของข้าพเจ้านี้ ข้าพเจ้าตั้งไว้เพื่อเป็นแนวทางเตือนใจหรือสั่งสอนตัวเอง เพราะปรากฏว่าตัวข้าพเจ้าเองยังมีข้อบกพร่อง ซึ่งจะต้องว่ากล่าวตักเตือนคอยตำหนิตัวเองเสมอ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าถ้าได้วางแนวสอนตัวเองขึ้นไว้เช่นนี้ เมื่อประพฤติผิดพลาดก็อาจระลึกได้ หรือ มีหลักเตือนตนได้ง่ายกว่าการที่จะนึกว่าข้าพเจ้าดีพร้อมแล้ว หรือเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แล้ว ซึ่งนับเป็นความประมาทหรือลืมตัวอย่างยิ่ง