รถจมน้ำทำอย่างไร

Aside

Subject: รถจมน้ำ..ทำไงให้รอด 

>>”ฮัลโล”…”พ่อช่วยด้วย ! รถกำลังจะจมน้ำ”…
>>”หนูอยู่ที่ไหนลูก!!”…
>>”ตู๊ดดดดดดดดดด

>>ถ้าคุณเป็นพ่อคงจะหัวใจแทบสลาย …….หลังจากสายโทรศัพท์ตัด
>>เขาก็รีบบึ่งรถไปตามเส้นทางที่เมียรัก
>>ซึ่งขับรถพาลูกสาวเข้าไปในตัวเมือง
>>แหล่งน้ำทุกแหล่งที่อยู่ข้างทาง เขาลงไปหาดูหมด ………
>>สอบถามคนข้างทางแทบทุกคน ว่าเจอรถ CRV ที่มีผู้หญิงนั่งมา 2 คนหรือปล่าว ?

>>อ นิ จ จ า ก ว่ า จ ะ พ บ ก็ ส า ย ไ ป เ สี ย แ ล้ ว

>>ลูกแก้วเมียขวัญที่เขารักสุดชีวิต ต้องจากเขาไป
>>ก่อนหน้านั้นเขาก็มีความรู้สึกเช่นนี้อยู่บ้าง
>>เมื่อลูกสาวอันเป็นที่รักของเขา
>>จะต้องจากบ้านเกิดที่ขอนแก่น ไปเรียนที่ลาดกระบังเพราะพึ่งเอ็นส์ติด
>>แต่ใครจะคาดคิดว่า จะต้องจากไปชั่วนิรันดร์อย่างนี้
>>

>>เปิดประตูลำบากครับ นึกถึงพายที่เราพายเรือซีครับ ต้องแหวกน้ำน่ะ

>>หนักขนาดไหน
>>นี่ประตูทั้งบาน หนักกว่าพายขนาดไหน
>>
>>กดกระจกลงครับ ไฟฟ้าไม่ได้ช็อตเพราะตกน้ำ เนื่องจากเป็นไฟ DC

>>ยังใช้ได้อยู่ไม่น้อยกว่า 5-10 นาทีแน่นอน กดกระจกลง
>>แล้วออกมาทางหน้าต่างนั่นแหละครับ แต่ก่อนกดกระจกลงน่ะ
>>อย่าลืมเอาเข็มขัดนิรภัยออกเสียก่อน ไม่ต้องไปห่วงเรื่องเปิดประตู
>>ทำไม่ได้หรอกครับ กระจกไฟฟ้านี่แหละ เอาลงง่ายกว่าหมุนเสียอีก
>>
>>ผมไม่อยากใช้ชื่อนี้ในนี้ ไม่อยากเข้ามาตอบกระทู้ด้วยซ้ำ

>>แต่คราวนี้จำเป็นครับ
>>ผมไม่อยากให้คนไทยพวกเราต้องเสียชีวิต เพราะไม่ทันคิด
>>กับการเปิดประตูรถที่จมน้ำอีกแล้ว เลยจำเป็นต้องมาเตือนกันเท่านั้น

>>มีการพิสูจน์กันแล้ว ใน LA สหรัฐอเมริกา
>>ใช้ตำรวจกับรถยนต์ที่ยกลงไปในสระน้ำ
>>ให้ตำรวจอีกสองคน ไปช่วยกันเปิดประตูจากด้านนอก เปิดไม่ออก
>>ใช้ตำรวจตัวใหญ่
>>ใส่ชุดมนุษย์กบอยู่ในรถ ผลักประตูก็ไม่ออก ต้องออกทางกระจกอย่างเดียว
>>ไม่ต้องทุบ เพราะทุบก็แตกยาก และแตกแล้วก็จะมีเศษกระจก
>>เข้าไปบาดหน้าตาคนทุบ

>>กดกระจกลงให้หมดอย่างเดียว รอดแน่ ถ้ามีสติ

>>ทุกท่านครับ มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน เกี่ยวกับเหตุการแบบนี้
>>วันหนึ่งจะแก้ไขได้ ถ้าเราบอกทุกคนในครอบครัวว่า…… ถ้ารถตกน้ำ
>>สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนที่รถจะเริ่มจม ตั้งสติ
>>และไขกระจกลงให้เร็วที่สุด
>>เพื่อที่น้ำ จะได้เข้ามาในตัวรถ
>>อากาศที่อยู่ในรถจะถูกแทนที่ด้วยน้ำ…
>>แล้วกั้นหายใจพยายาม เปิดประตูออกไป จะเปิดได้ง่ายกว่า

>>แรงดันในรถจะลดลง
>>อย่าเสียเวลาทุบกระจก เพราะน้ำจะดันกระจกด้านนอกไว้
>>เหมือนคนดันประตูที่เราพยายามจะผลักออกไป.. คนที่เคยรอดชีวิตออกมา

>>เขาเล่าให้ผมฟัง เป็นวิศวะกร ขับรถกระบะ ตกไปในน้ำ พยายามทุบกระจก
>>ด้วยโทรศัพท์รุ่นกระบอกน้ำสมัยนั้น แต่ไม่สำเร็จ
>>เลยไขกระจกตอนที่น้ำกำลังท่วมมาจนถึงหูจับประตู พอไขกระจก
>>น้ำก็เริ่มเข้ามา
>>เขาจึงเปิดประตูออกมาได้…..


ความลับของความรัก

Subject: ความลับของความรัก

  > เรื่องลับลับเกี่ยวกับความรัก
> มีความลับเกี่ยวกับความรักอีกมากมายหลายอย่าง ที่เรายังต้องค้นหากันต่อไป
>
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเข้าใจยิ่งค้นหาก็จะทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของมันมากขึ้น
>
: : ความรักเริ่มจากความคิด
>
เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรักบางทีความรักก็ทำให้เราเปลี่ยนแปลงความคิด
อย่างที่เคยเป็นต้องปรับปรุงในสิ่งที่เราเคยทำเพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน
: : ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา
> คุณไม่สามารถรักใครได้หรอกถ้าคุณไม่รู้สึกเชื่อมั่นเป็นอันดับแรก
> และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น นั่นก็คือตัวคุณเอง: : ความรักคือการให้
> ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรักสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ
> รู้จักให้ด้วยยิ่งให้คุณก็จะยิ่งได้รับ สูตรลับของความสุข
> และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ
> อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า

: : ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่
> อยากได้รักแท้ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้ซะก่อนการจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา
>
แต่อยู่ที่ว่าต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันรึเปล่าหากจะรักใครอย่างจริงใจคุณควรจะ
รักในสิ่งที่เขาเป็น
> ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็นมิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโต
ทุกๆวันนั่นเอง

: : การสัมผัสกันจะช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น
>
เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครมาโอบใหล่หรือกอดคุณการสัมผัสกันจึงเป็นการแสดง
ออกอย่างหนึ่งที่มีพลังช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วยน่าแปลกที่
มันสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาลงอย่างได้ผล

: : อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย
> ถ้าคุณรักใครจงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้างคุณเองก็รู้สึกอึดอัดใช่มั้ย
> ถ้าหากมีใครมาล่ามโซ่คุณ จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดีมาก่อน
> ปลดปล่อยความกลัวภายในใจให้ความยุติธรรม ลดทิฐิ และเงื่อนไขต่างๆซะบ้าง
> บอกตัวเองว่า
แต่นี้ไปเราจะทิ้งความกลัวทั้งหมดและอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวเราอีก
> นับจากวันนี้ไปเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะที

: : ชีวิตจะเปลี่ยนไป เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้าง
และซื่อสัตย์ต่อกัน
> คุยกับคนที่คุณรัก อย่ากลัวที่จะพูดคำวิเศษ 3 คำว่า “ฉันรักเธอ”
> อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป คุณควรจะบอกรักก่อนจะจากกันทุกครั้งเสมอ
> เพราะบางทีคุณอาจจะได้เจอกันครั้งสุดท้ายก็ได้ใครจะไปรู้

: : แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน
> ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนนึงก็จะเป็นคนระแวง กังวลและหวาดหวั่น
> ส่วนอีกคนก็จะรู้สึกอึดอัดใจคุณไม่อาจรักใครจริงๆ
> ได้ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาอย่างแท้จริง
> สุดท้ายคือการเข้าใจ


คุณค่าของความรัก



Subject: ชี้นำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ตัวคุณเห็นค่าของ ความรัก

  เวลาไม่มีเงิน .
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีเงิน …
คนแรกที่คิดถึงคือแฟนและเพื่อนอยากได้รถ …
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่แต่พอมีรถ …
คนแรกที่จะไปรับคือแฟนและเพื่อนร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค …
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน

อาหารบนโต๊ะที่บ้าน .
มีสำหรับพ่อและแม่

โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า ….
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน

ทีวี และสวนหน้าบ้าน …
มีไว้สำหรับพ่อและแม่

พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน …
เพื่อความอยู่รอด

ลูกนอนคุยโทรศัพท์ เล่นเนตก่อนนอน …
เพื่อให้หลับฝันดี

เวลาเรามีความสุข .
มักจะมองหาแฟนและเพื่อน

เวลาเรามีความทุกข์ .
คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่

เวลาประสบความสำเร็จ !..
เรามักมองหาแฟนและเพื่อนเพื่อนัด?ลองและสังสรร

แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่ …
แต่พ่อและแม่ กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป

ลูกไปรื่นเริงตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ๊ก ฯลฯ …
พ่อและแม่กลับทำงาน หรือ
นอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงินในวันรุ่งขึ้น

เพื่อแลกความสุขของลูก
อยากให้ลูกเรียนสูง ๆ
เวลาแต่งงาน … คนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นคือพ่อและแม่

คนที่มีความสุขคือลูก
พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง
เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย
………..เพื่อให้ลูกได้ดี

แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูด …
เป็นแค่เรื่องไร้สาระ

พ่อและแม่ …
คือผู้ฝ่าฟันปัญหาเป็นร้อยพันประการเพื่อลูก
แต่พอลูกมีปัญหา .
มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย!!!!

พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง
และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่

ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด … Huh
คำว่า “พ่อ” หรือ “แม่”
อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด

แล้วคุณเตรียมอะไรไว้
เพื่อคุณพ่อคุณแม่ของคุณหรือยัง

เค้าบอกว่า…ถ้าอ่านแล้วส่งต่อ
ก็เท่ากับว่าได้ชี้นำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ตัวคุณเห็นค่าของ

ความรัก


ผู้หญิงกับผู้ชาย

Aside

Subject: ผู้หญิงกับผู้ชาย(น่าอ่านๆ ตรงมากมาก)

  > พระเจ้าสร้างชายและหญิงให้เกิดมาคู่กัน แต่ก็มีผู้ชายจำนวนมากออกมายอมรับว่า> “บางครั้งผู้หญิงก็ดูน่าเบื่อและไร้เหตุผลจนไม่น่าเข้าใกล้”
> ในขณะที่ผู้หญิงโต้กลับว่า “บางครั้งผู้ชายก็งี่เง่าและเฮงซวยที่สุด”
> ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครดีใครเลว แต่อยู่ที่ความแตกต่างกัน
> ในทุก ๆ เรื่องของชายและหญิงต่างหากที่เป็นต้นเหตุของความไม่เข้าใจ
> ในเมื่อทั้งชายและหญิงไม่มีวันที่จะเหมือนกันได้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อการอยู่ร่วมกันได้ย่างมีความสุข

> นั่นก็คือ “การทำความเข้าใจจิตใจของแต่ละฝ่ายนั่นเอง”

> 1. ผู้ชายรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของคนอื่น ขณะที่ผู้หญิงรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองน่าทะนุถนอม

> 2. เมื่อเกิดปัญหา ผู้ชายจะเก็บตัวเพื่อคิดหาทางออก ผู้หญิงจะหาใครซักคนที่ไว้ใจ และพร่ำพรรณนาปัญหาให้ฟัง

> 3. จากสถิติพบว่า ผู้ชายมีอายุสั้นกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายใจร้อนและคึกคะนองมากกว่า

> 4. ผู้ชายมุ่งความต้องการไปที่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ความสำเร็จของผู้หญิงคือ การมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข

> 5. เมือทำอะไรซักอย่างไม่ได้ ผู้หญิงจะขอความช่วยเหลือ ในขณะที่ผู้ชายจะไม่พยามยามขอความช่วยเหลือ เพราะคิดว่านั่นคือการแสดงความอ่อนแอของตัวเอง

> 6. ผู้หญิงมีสมองเล็กกว่าผู้ชาย แต่สมองทั้งสองซีกกลับทำงานสัมพันธ์กันมากกว่าผู้ชาย

> 7. ผู้ชายจะเจริญเติบโตและก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้ช้ากว่าผู้หญิง

> 8. ผู้ชายถูกกระต้นความต้องการทางเพศโดยสายตา เช่น ดูภาพโป้ ดูหนังโป้ แต่ผู้หญิงถูกกระตุ้นความต้องการทางเพศ โดยการสัมผัสอันนุ่มนวล

> 9. เมื่อเล่นเกม ๆ หนึ่ง ผู้หญิงต้องการเอาชนะโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องแพ้ก็ได้ (การเสมอ) แต่ผู้ชายต้องการเอาชนะ และอีกฝ่ายต้องเป็นผู้แพ้

> 10. เมื่อผู้ชายตกหลุมรักใครซักคน เค้าจะถูกกระตุ้นให้ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าจีบผู้หญิงคนนั้นไม่สำเร็จ เค้าจะกลับไปเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม

> 11. ผู้หญิงเมาง่ายกว่าผู้ชาย

> 12. ผู้ชายจะจดจำเส้นทาง และอ่านแผนที่ได้เก่งกว่าผู้หญิง

> 13. ผู้หญิงกลัวที่จะเป็นฝ่ายรับ ในขณะที่ผู้ชายกลัวที่จะเป็นฝ่ายให้

> 14. ผู้หญิงพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายทำสำเร็จมากกว่าผู้หญิง

> 15. ผู้หญิงจะเรียนภาษาได้ดีกว่า และมีความสามารถในการสื่อสารทางการพูดมากกว่าผู้ชาย

> 16. ผู้ชายจะคิดให้ตกซะก่อนจึงค่อยพูดออกมา แต่ผู้หญิงมักจะคิดออกมาเป็นเสียงดัง ๆ ให้คนอื่นได้ยินด้วย

> 17. ผู้หญิงจะไม่ทิ้งเพื่อนหากเพื่อนกำลังมีปัญหา ในขณะที่ผู้ชายจะทิ้งให้เพื่อนแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

> 18. เมื่อผู้หญิงรู้สึกดี เธอจะสามารถแบ่งปันความรักให้คนอื่นมากมาย แต่เมื่อเธอรู้สึกแย่ สิ่งที่เธอต้องการที่สุดคือความรักจากคนรอบข้าง

> 19. นิสัยผู้ชายเหมือนหนังสติ๊ก: ในช่วงเวลาที่คบกัน ผู้ชายจะต้องการทั้งความผูกพันใกล้ชิด และความอิสระ แต่ผู้หญิงจะรู้สึกไม่ดีหากผู้ชายกำลังถอยออกไปหาอิสระ และพยายามดึงเค้ากลับมา ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เค้าถอยห่างมากขึ้น ทางที่ดีควรอยู่นิ่ง ๆ เมื่อถึงเวลาหนึ่งเค้าจะกลับมาเอง

> 20. ทั้งที่ผู้ชายและผู้หญิงพูดคำ ๆ เดียวกัน แต่ความหมายของคำ ๆ นั้น กลับไม่เหมือนกัน เช่น เมื่อผู้หญิงพูดว่า “เราเลิกกันเถอะ” แปลว่าฉันต้องการให้คุณเห็นความสำคัญของฉันมากกว่านี้ เมื่อผู้ชายพูดว่า “เราเลิกกันเถอะ” แปลว่าผมไม่ขอทนคุณอีกต่อไป เพราะผมเจอคนใหม่แล้ว


คำอธิษฐานที่ได้รับรางวัล

Subject: คำอธิษฐานที่ได้รับรางวัลที่ ๑ โดย สุชีพ ปุญญานุภาพ

  คำอธิษฐานที่ได้รับรางวัลที่ ๑ โดย สุชีพ ปุญญานุภาพ
คณะกรรมการของสมาคมพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่งได้ตรวจข้อเขียนของ ผู้ส่งคำอธิษฐานเข้าประกวดอย่างเคร่งเครียด และมีมติเป็นเอกฉันท์ตัดสินให้คำอธิษฐานของ คุณชีพ ปุญญานุภาพ ได้รับรางวัลที่ 1 เนื่องจากเป็นคำอธิษฐานเพื่อคุณธรรม มากกว่าการขอโชคลาภทรัพย์สมบัติใดๆ และในตอนท้ายคำอธิษฐาน ได้กล่าวสรุปไว้เพื่อให้เห็นว่า ตัวผู้เขียนยังไม่ดีพอ จึงต้องมีหลักฐานไว้เตือนตัวเอง ข้อเขียนที่แสดงถึงความปรารถนาหรือ
คำอธิษฐาน ๑๐ ประการ มีดังนี้
๑. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนคิดจะได้ดีอะไรอย่างลอย ๆ นั่งนอนคอยแต่โชควาสนา โดยไม่ลงมือทำความดี หรือไม่เพียรพยายาม สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตน ถ้าข้าพเจ้าจะได้ดีอะไรก็ขอให้ได้เพราะได้ทำความดีอย่างสมเหตุผลเถิด


๒. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนลืมตนดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ซึ่งอาจด้อยกว่าในทางตำแหน่ง ฐานะการเงิน หรือในทางวิชาความรู้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้เกียรติแก่เขาตามความเหมาะสมในการติดต่อเกี่ยวข้องกันเถิด อย่าแสดงอาการข่มขู่เยาะเย้ยใครๆ ด้วยประการใดๆเลย ก็ขอให้มีความอ่อนโยน นุ่มนวล สุภาพเรียบร้อยเถิด


๓. ถ้าใครพลาดพลั้งลงในการครองชีวิตหรือต้องประสบความทุกข์ ความเดือดร้อนเพราะเหตุใดๆก็ตามขออย่าให้ข้าพเจ้าเหยียบย่ำซ้ำเติมคนเหล่านั้นแต่จงมีความกรุณาหาทางช่วยเขาลุกขึ้น ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ร้อนแก่เขาเท่าที่จะสามารถทำได้


๔. ใครก็ตามที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาเท่าเทียมหรือเกือบเท่าเทียมข้าพเจ้า ก็ดี มีความรู้ความสามารถหรือมีผลงานอันปรากฏดีเด่น สูงส่งอย่างน่านิยมยกย่องยิ่งกว่าข้าพเจ้า ขอ อย่าให้ข้าพเจ้ารู้สึกริษยาหรือกังวลใจในความเจริญของผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย ข้อให้ข้าพเจ้าพลอยยินดีในความดี ความรู้ความสามารถของบุคคลเหล่านั้นด้วยใจจริง ช่วยส่งเสริมสนับสนุนและให้กำลังใจแก่คนเหล่านั้น อันเข้าลักษณะการมีมุทิตาจิตในพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกันข้ามกับความริษยา ขออย่าให้เป็นอย่างบางคน ที่เกรงนักหนาว่าคนอื่นจะดีเท่าเทียมหรือดียิ่งกว่าตน คอยหาทางพูดจาติเตียน ใส่ไคล้ให้คนทั้งหลายเห็นว่าผู้นั้นยังบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีน้ำใจสะอาด พูดส่งเสริมยกย่องผู้อื่นที่ควร ยกย่องเถิด


๕. ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีน้ำใจเข็มแข็งอดทน อย่าเป็นคนขี้บ่น ในเมื่อมีความยากลำบากอะไรเกิดขึ้น ขอให้มีกำลังใจต่อสู้กับความยากลำบากนั้น ๆ โดยไม่ต้องอ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย ขออย่าเป็นคนอ่อนแอเหลียวหาที่พึ่ง เพราะไม่รู้จักทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนเลย ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนชอบได้อภิสิทธิ์ คือ สิทธิเหนือคนอื่น เช่น ไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็ขอให้พอใจนั่งคอยตามลำดับ อย่าวุ่นวายจะเข้าตรวจก่อน ทั้งที่ตนไปถึงทีหลัง ในการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกใด ๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดหาวิธีลัดหรือวิธีทุจริตใดๆ รวมทั้งขออย่าได้วิ่งเต้นเข้าหาคนนั้นคนนี้ เพื่อให้เขาช่วยให้ได้ผลดีกว่าคนอื่น ทั้งๆที่ข้าพเจ้าอาจมีคะแนนสู้คนอื่นไม่ได้เถิด


๖. ข้าพเจ้าทำงานที่ใด ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือคิดเอาแต่ได้ในทางส่วนตัว เช่น เถลไถลไม่ทำงาน รีบเลิกงานก่อนกำหนดเวลา ขอจงมีความขยันหมั่นเพียร พอใจในการทำงานให้ได้ผลดี ด้วยความตั้งใจและเต็มใจ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ฉะนั้นเถิด อันเนื่องมาแต่ความไม่คิดเอาเปรียบในข้อนี้ ถ้าข้าพเจ้าบังเอิญก้ำเกินข้าวของ ของที่ทำงานไปในทางส่วนตัวได้บ้าง เช่น กระดาษ ซอง หรือ เครื่องใช้ใด ๆ ขอให้ข้าพเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าเป็นหนี้อยู่ และพยายามใช้หนี้คืนด้วยการซื้อใช้ หรือทำงานให้มากกว่าที่กำหนด เพื่อเป็นการชดเชยความก้ำเกินนั้น ข้อนี้รวมทั้ง ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเอาเปรียบชาติบ้านเมือง เช่น ในเรื่องการเสียภาษีอากร ถ้ารู้ว่ายังเสียน้อยไปกว่าที่ควร หรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะชดใช้แก่ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ เมื่อมีโอกาสตอบแทนเมื่อไร ขอให้รีบตอบแทนโดยทันที เช่น ในรูปแห่งการบริจาคบำรุงโรงพยาบาล บำรุงการศึกษาหรือบริจาคเพื่อสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ แบบบริจาคให้มากกว่าที่รู้สึกว่ายังเป็นหนี้ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอและในข้อ นี้ขอให้ข้าพเจ้าปฏิบัติแม้ต่อเอกชนใด ๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือโกงใครเลยแม้แต่น้อย แม้แต่จะซื้อของ ถ้าเขาถอนเงินเกินมา ก็ขอให้ข้าพเจ้ายินดีคืนให้เขากลับไปเถิด อย่ายินดีว่ามีลาภ เพราะเขาทอนเงินเกินมาให้เลย

๗. ขออย่าให้ข้าพเจ้ามักใหญ่ใฝ่สูง อยากมีหน้ามีตา อยากมีอำนาจ อยากเป็นใหญ่เป็นโต ขอให้ข้าพเจ้าใฝ่สงบ มีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องเดือดร้อนในเรื่องการแข่งดีกับใคร ๆ ทั้ง นี้เพราะข้าพเจ้าพอจะเดาได้ว่า ความมักใหญ่ใฝ่สูง ความอยากมีหน้ามีตา ความอยากมีอำนาจ และอยากเป็นใหญ่เป็นโตนั้น มันเผาให้เร่าร้อน ยิ่งต้องแข่งดีกับใคร ๆ ด้วยก็ยิ่งทำให้เกิดความคิดริษยา คิดให้ร้ายคู่แข่งขัน ถ้าอยู่อย่างใฝ่สงบมีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ก็จะเย็นอกเย็นใจ ไม่ต้องนอนก่ายหน้าผากถอนใจเพราะเกรงคู่แข่งจะชนะ ไม่ต้องทอดถอนใจเพราะไม่สมหวัง ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจซาบซึ้งในพระ พุทธภาษิตว่า “ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ละความชนะความแพ้เสียได้ ย่อมอยู่เป็นสุข” ดังนี้เถิด แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เมื่อใฝ่สงบแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องอยู่อย่างเกียจคร้านไม่สร้างความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ข้าพเจ้าทราบดีว่าพระพุทธศาสนามิได้สอนให้คนเกียจคร้านงอมือ งอเท้า แต่สอนให้มีความบากบั่นก้าวหน้าในทางที่ดีไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม และความบากบั่นก้าวหน้าดังกล่าวนั้น ไม่จำเป็นต้องผูกพันอยู่กับความทะยานอยาก หรือความมักใหญ่ใฝ่สูงใด ๆ คงทำงานไปตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ผลดีก็จะเกิดตามมาเอง


๘. ขอให้ข้าพเจ้าหมั่นปลูกฝั่งความรู้สึกมีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น และมีกรุณาคิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าแนะนำให้ปูพื้นจิตใจด้วยเมตตากรุณาดังกล่าวนี้อยู่เสมอจนกระทั่งไม่รู้สึกว่ามีใครเป็นศัตรูที่จะต้องคิดกำจัดตัดรอนเข้าให้ถึงความพินาศ ใครไม่ดี ใครทำชั่วทำผิดขอให้เขาคิดได้กลับตัวได้เสียเถิด อย่าทำผิดทำชั่วอีกเลย ถ้ายังขืนทำต่อไปก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาจะต้องรับผลแห่งกรรมชั่วของเขาเอง เราไม่ต้องคิดแช่งชักให้เขาพินาศ เขาก็จะต้องถึงความพินาศของเขาอยู่แล้ว จะต้องแช่งให้ใจเราเดือดร้อนทำไม ขอ ให้ความเมตตาคิดจะให้เป็นสุข และกรุณาคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ซึ่งข้าพเจ้าปลูกฝังขึ้นในจิตใจนั้น จงอย่าเป็นไปในวงแคบและวงจำกัด ขอจงเป็นไปทั้งในมนุษย์และสัตว์ทุกประเภท รวมทั้งสัตว์ดิรัจฉานด้วย เพราะไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เหล่านั้น ต่างก็รักสุขเกลียดทุกข์ รู้จักรักตนเองปรารถนาดีต่อตนเองด้วยกันทั้งสิ้น


๙. ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนโกรธง่าย ต่าง ว่าจะโกรธบ้าง ก็ขอให้มีสติรู้ตัวโดยเร็วว่ากำลังโกรธ จะได้สอนใจตนเองให้บรรเทาความโกรธลง หรือถ้าห้ามใจให้โกรธไม่ได้ ก็ขออย่าให้ถึงกับคิดประทุษร้ายผู้อื่น หรือคิดอยากให้เขาถึงความพินาศ ซึ่งนับเป็นมโนทุจริตเลย ขอจงสามารถควบคุมจิตใจให้เป็นปรกติได้โดยรวดเร็ว เมื่อมีความไม่พอใจหรือความโกรธเกิดขึ้นเถิด และเนื่องมาจากความปรารถนาข้อนี้ ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนผูกโกรธ ให้รู้จักให้อภัย ทำใจให้ปลอดโปร่งจากการผูกอาฆาตจองเวร ขอให้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดยรู้จักเปรียบเทียบกับตัวข้าพเจ้าเองว่าข้าพเจ้าเองก็อาจทำผิด พูดผิด คิดผิด หรือ อาจล่วงเกินผู้อื่นได้ ทั้งโดยมีเจตนาและไม่เจตนา ก็ข้าพเจ้าเองยังทำผิดได้ เมื่อผู้อื่นทำอะไรผิดพลาดล่วงเกินไปบ้าง ก็จงให้อภัยแก่เขาเสียเถิด อย่าผูกใจเจ็บหรือเก็บความรู้ สึกไม่พอใจนั้นมาขังอยู่ในจิตใจ ให้เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเองเลย


๑๐. ขอให้ข้าพเจ้ามีความรู้ความเข้าใจและสอนใจตัวเองได้เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธศาสนา ทั้งทางโลกและทางธรรม กล่าวคือ พระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักสร้างความเจริญแก่ตนในทางโลก และสอนให้ประพฤติปฏิบัติยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ให้มีปัญญาเข้าใจปัญหาแห่งชีวิต เพื่อจะได้ไม่ติดไม่ยึดถือ มีจิตใจเบาสบายอันเป็นความเจริญในทางธรรม ซึ่งรวมความแล้วสอนให้เข้ากับโลกได้ดี ไม่เป็นภัยอันตรายแก่ใคร ๆ แต่กลับเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ แต่ก็ได้สอนไปในทางธรรมให้เข้ากับธรรมได้ดี คือให้รู้จักโลก รู้เท่าโลกและขัดเกลานิสัยใจคอให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อบรรลุความดับทุกข์ ความพ้นทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจทั้งทางโลกทางธรรม และ ปฏิบัติตน ให้ถูกต้องได้ทั้งสองทาง รวมทั้งสามารถหาความสงบใจได้เองปละสามารถแนะนำชักชวนเพื่อนร่วมชาติร่วมโลก ให้ได้ประสบความสุขสงบได้ตามสมควรเถิด

ความปรารถนาหรือคำอธิษฐานรวม ๑๐ ประการของข้าพเจ้านี้ ข้าพเจ้าตั้งไว้เพื่อเป็นแนวทางเตือนใจหรือสั่งสอนตัวเอง เพราะปรากฏว่าตัวข้าพเจ้าเองยังมีข้อบกพร่อง ซึ่งจะต้องว่ากล่าวตักเตือนคอยตำหนิตัวเองเสมอ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าถ้าได้วางแนวสอนตัวเองขึ้นไว้เช่นนี้ เมื่อประพฤติผิดพลาดก็อาจระลึกได้ หรือ มีหลักเตือนตนได้ง่ายกว่าการที่จะนึกว่าข้าพเจ้าดีพร้อมแล้ว หรือเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แล้ว ซึ่งนับเป็นความประมาทหรือลืมตัวอย่างยิ่ง